Search


“โรคฝีดาษลิง” เป็นโรคเดียวกับ “งูสวัด” หรือไม่

ดังที่คุณอาจได้เห็นจากกรณีศึกษาการดีท็อกซ์วัคซีนและการช่วยเหลือผู้ป่วยที่แพ้วัคซีนขั้นรุนแรงของเรา เช่นในกรณีของผู้ป่วยที่แพ้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ โดยหลังจากผู้ป่วยรายนี้ได้รับวัคซีนดังกล่าวทำให้เขาได้ป่วยเป็น “โรคงูสวัด”

โดยทีมงานของเราได้เข้าไปรักษาอาการป่วยของผู้ป่วยรายนี้ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก รวมถึงได้รักษาผู้ป่วยหลายรายที่มีปัญหาผิวหนังนี้และปัญหาผิวอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน โดยการกำหนดเป้าหมายที่เป็นสาเหตุของการอักเสบภายในและหยุด (DNA) ที่ดัดแปลงพันธุกรรมของร่างกายที่ผลิตโปรตีนที่เป็นพิษ ซึ่งนับได้ว่าการได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่เกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้นได้ประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดี

recovery from shingles/herpes zoster
อาการของโรคงูสวัดหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 (ยี่ห้อไฟเซอร์), สองสัปดาห์ต่อมาหลังจากการรักษาของเรา

“โรคระบาด” ใหม่

สื่อต่างๆ ทั่วโลกได้ผลักดันการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) อย่างหนักในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยจุดมุ่งหมายของสื่อต่างๆ ทั่วโลกคือปลุกระดมประชาชนให้มีความหวาดกลัวต่อโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ซึ่งลักษณะก็คือนำเสนอข่าวในลักษณะที่สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนที่มากเกินไปโดยขาดการเสนอข้อเท็จจริง ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกของประชาชนเป็นอย่างมาก

ในขณะท่าทีของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกได้กระตุ้นให้หน่วยงานต่างๆ ได้ออกมาช่วยเหลือประเทศที่ยากจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาเศรษฐกิจโลก (WEF) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้ได้มีความเตรียมความพร้อมด้านการเงินในการออกเงินกู้ช่วยเหลือประเทศที่ยากจนที่ได้เผชิญกับโรคฝีดาษลิงในขณะนี้

ทำไมคุณถึงเชื่อถือสื่อไม่ได้

หากช่วงสองปีที่ผ่านภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สื่อต่างๆ ทั่วโลกได้เผยแพร่ข่าวที่เป็นทั้งเรื่องการโกหก ความหวาดกลัว สถิติปลอม การรายงานของสื่อที่ลำเอียง และการจงใจเผยแพร่ข่าวการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ขาดข้อเท็จจริง ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ถือได้ว่าประสบความสำเร็จของสื่อที่ได้สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชน

แล้วเราได้เรียนรู้อะไรจากการสร้างความหวาดกลัวเหล่านี้บ้างละ ? ความตื่นตระหนกเห็นทีจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ทั้งผู้คนตกงาน ขาดรายได้ การขาดแคลนอาหาร ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล และอื่นๆ อีกมากมาย ท้ายที่สุดแล้วผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นล้วนแต่ส่งผลต่อประชาชนทั้งสิ้น

ด้านล่างนี้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าสื่อเหล่านี้ไม่สามารถเชื่อถือได้

ใช้ภาพเดียวกันกับโรคงูสวัดที่เป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

ภาพปลอมเพื่อบรรยายเรื่องเท็จ เช่นเดียวกับที่สื่อทั่วโลกได้ฉายภาพโรงพยาบาลที่ “ล้น” หากการเสพสื่อที่ไม่ได้ผ่านการคิดวิเคราะห์ตามหลักเหตุผล ภาพเหล่านั้นได้บรรยายว่าเป็นภาพที่น่ากลัว สะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง

หากการเสพสื่ออย่างมีสติ วิเคราะห์ตามข้อเท็จจริงจะพบว่าบางภาพไม่มีความเป็นจริง บางภาพผ่านการตกแต่งที่เกินจริง ยกตัวอย่างเช่น “ภาพของผู้ป่วยที่ล้นเตียงที่โรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย” หากการวิเคราะห์แล้วจะพบว่าภาพเหล่านั้นไม่ได้เป็นผู้ป่วยจริงๆ แต่เป็นภาพของหุ่น ที่ไม่ใช่มนุษย์จริงๆ เพื่อแสร้งทำเป็นว่าโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียในขณะนี้กำลังประสบปัญหาที่ยากลำบาก

และเมื่อไม่นานที่ภาพผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียได้เผยแพร่สู่สาธารณชน ต่อมาสำนักข่าว (CBS News) ของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาขอโทษต่อสาธารณชนว่าภาพเหล่านั้นไม่เป็นความจริง ผ่านการตัดต่อ

TV news lying about where the hospital footage is from
สำนักข่าว (Sky News) รายงานภาพผู้ป่วยที่ล้นโรงพยาบาลในอิตาลี, สำนักข่าว (CBS News)รายงานภาพผู้ป่วยที่ล้นโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกา, สำนักข่าว (7 News) รายงานภาพผู้ป่วยที่ล้นโรงพยาบาลในออสเตรเลีย (โดยเป็นภาพเดียวกัน)

และต่อไปนี้คือข่าว “โรคฝีดาษลิง” ปลอมล่าสุดจากนักโฆษณาสื่อกระแสหลัก ใช้ภาพเก่าเมื่อหลายปีก่อน เพื่อเผยแพร่ความกลัวและความหวาดระแวง แทนหรือแสดงภาพจริงของผู้ป่วยจริงที่เป็นโรคฝีดาษลิงในอดีต (หากมีจริง) ในปี พ.ศ. 2565

NY Daily News and The Sun UK using the same old photos of monkeypox
(NY Daily News) ใช้ภาพเก่าจากสำนักข่าว (The Sun) ในปี พ.ศ.2561 (โดยเป็นภาพเดียวกัน)
BBC Monkeypox Fake News
(BBC News) ใช้รูปภาพโรคฝีดาษลิงในปี พ.ศ. 2560 เพื่อพยายามทำให้ผู้คนหวาดกลัวในปี พ.ศ. 2565 (โดยเป็นภาพเดียวกัน)
Old picture of monkeypox being used in 2022
(MSNBC News) ใช้รูปภาพจากปี พ.ศ. 2553 เพื่อเล่าเรื่อง “การระบาด” ในปี พ.ศ.2565 (โดยเป็นภาพเดียวกัน)

ดังนั้นในเมื่อเราไม่สามารถเชื่อถือข่าวกระแสหลักในการรายงานอย่างตรงไปตรงมา เราจะไว้ใจใครได้? เราจะรู้ได้อย่างไรว่าข่าวไหนที่เป็นความจริงและข่าวไหนที่เป็นข่าวปลอม?

เป็นที่แน่ทราบกันอยู่แล้วว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกนั้น ประสบผลสำเร็จเชิงตัวเลข แต่ในแง่ของคุณภาพการฉีดวัคซีนนั้นไม่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งผู้ที่ได้รับเคราะห์ร้ายนั้นก็คือประชาชนนั่นเอง จะเห็นได้จากหลังจากที่ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อัตราการป่วยหลังจากฉีดวัคซีนได้เพิ่มขึ้นทวีคูณเป็นเท่าตัว บางรายป่วยมาก บางรายป่วยน้อย

ยกตัวอย่างอาการของ “โรคงูสวัด” ซึ่งเป็นโรคที่พบหลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด- 19 มากที่สุด อันเนื่องมาจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ที่ได้รับวัคซีนนั้นอ่อนแอลง โดยอาการของโรคงูสวัดจะถูกนำมาอ้างว่าอาการต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นผลมาจากการฉีดวัคซีน แต่อาการของโรคงูสวัดได้ถูกนำมาอ้างอิงจากอาการของ “โรคฝีดาษลิง” หรือ (monkeypox)  เพื่อเป็นแพะรับบาป และเพื่อเป็นหลีกเลี่ยงการกล่าวโทษความผิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

Suspected Monkeypox cases are mostly shingles
(เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประเทศแคนาดาได้สอบสวนโรคในประชาชนที่มีผื่นขึ้นตามร่างกาย ซึ่งเข้าค่ายเป็นโรคฝีดาษลิง แต่ในที่สุดหลังการทดสอบพบว่า 95% ป่วยเป็นโรคงูสวัด)

จะทำอย่างไรถ้าคุณมีอาการของโรคงูสวัดที่เกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

เราไม่สามารถการันตีผลการรักษาสำหรับคนที่เป็นโรคงูสวัดที่เป็นอยู่แล้ว (ไม่ได้เกิดจากวัคซีนป้องกันโควิด-19) แต่เราประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ที่เป็นโรคงูสวัดอันเนื่องมาจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของประชาชน

จากประสบการณ์การรักษาผลข้างเคียงที่ร้ายแรงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้ออื่นๆ ก็ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้เช่นกัน คุณสามารถดู “ผลข้างเคียง” ของโรคงูสวัดตามรายการด้านล่าง ซึ่งนำมาจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์

A list of herpes zosted side effects from Pfizer
ผลแสดงการเจ็บป่วยของประชาชนของโรคงูสวัด หลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วและมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นซึ่งยังมาไม่ถึง หรือกำลังทุกข์ทรมานจากผลข้างเคียงที่เห็นได้ชัดเจน หรือรู้สึกว่าสุขภาพของคุณค่อยๆ แย่ลงหลังจากการฉีดวัคซีน เราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ดูแลสุขภาพของคุณ และพยายามดีท็อกซ์ให้เร็วที่สุด คุณสามารถดูผลการรักษาของเราได้จากเว็ปไซต์ของเราได้ หรือติดต่อทีมงานของเราเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาทางเลือกอื่นๆ ที่เรากำลังทดสอบเพื่อหยุดผู้คนที่เสียชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างช้าๆ

offer

Get 20% Off your Next Order!

Join our mailing list to get the latest health info monthly, and get 20% off your first order.